ในฐานะหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก ที่มีเครือข่ายการขนส่งสินค้าทั่วโลกและมีการให้บริการขนส่งที่หลากหลาย เช่น การขนส่งสินค้า การบริหารจัดการซัพพลายเชนและการขนส่งพัสดุภัณฑ์ด่วน DHL ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่หลายท่านอาจยังไม่รู้จักมากนักอย่างการเป็นผู้ให้บริการลีดโลจิสติกส์ (Lead Logistics Partners หรือ LLP) ให้แก่ลูกค้า
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการลีดโลจิสติกส์ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 4PL หรือ Fourth Party Logistics Provider คือ บริษัทที่เป็นคนกลางคอยเชื่อมต่อประสานงานระหว่างลูกค้ากับ 3PL หลายๆ ราย ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการคิดค้นโดยบริษัท Andersen Consulting ซึ่งปัจจุบันคือบริษัท Accenture โดยผู้ให้บริการลีดโลจิสติกส์ถูกให้คำจำกัดความว่า “ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ รวมไปถึงการจัดการและใช้เทคโนโลยีต่างๆ ทั้งในองค์กรของตนเองและองค์กรของลูกค้า เพื่อที่จะออกแบบและสร้างโซลูชั่นด้านซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ” พูดง่ายๆ คือ 4PL เป็นผู้ที่ประสานงานด้านกิจกรรมต่างๆ ของผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบ 3PL
นิตยสาร LM ฉบับนี้ เราได้รับเกียรติจาก Mr. Edwin Pinto หัวหน้าฝ่ายขายบริษัท DHL Global Forwarding (Thailand) และ คุณสุเทพ ธรรมธาดา หัวหน้าฝ่ายขนส่งสินค้าทางทะเล บริษัท DHL Global Forwarding (Thailand) มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการด้านลีดโลจิสติกส์ และผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้บริการ LLP หรือ 4PL
ขณะที่ผู้ให้บริการ LLP ส่วนใหญ่ ทำหน้าที่ในการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้า แต่บริการของ DHL นั้นเป็นการให้บริการที่ก้าวไปอีกระดับ โดย DHL มุ่งเน้นการลงมือช่วยฝึกให้การปฏิบัติการของลูกค้าสามารถสัมฤทธิ์ผลได้จริงหรือที่ DHL เรียกว่า Operationalize นั่นหมายความว่า DHL ไม่ได้เป็นเพียงผู้วิเคราะห์ระบบซัพพลายเชนให้แก่ลูกค้า และหาวิธีการปฏิบัติการที่เหมาะสมและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้การปฏิบัติการที่สามารถเกิดประโยชน์ได้จริง “เราไม่ได้แค่บอกกับลูกค้าว่าทำอะไร แต่เรามีการผสมผสานประสบการณ์การทำงานของเราและการให้คำปรึกษาในการปฏิบัติงาน ซึ่งเราไม่ได้แค่ช่วยคิดอย่างเดียว เราช่วยลงมือทำด้วย” Mr. Pinto กล่าว โดยแนวทางการปฏิบัตินั้นสามารถปฏิบัติการได้สองวิธี วิธีแรก คือ ให้ทีมงานของ DHL เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการทั้งหมดตามความต้องการของลูกค้า หรือวิธีการที่สอง คือ ให้ทีมงานของ DHL ทำงานร่วมกับทีมงานของลูกค้าในขั้นตอนการดำเนินการ ในกระบวนการนี้ทีมงานของ DHL จะถ่ายทอดประสบการณ์การดำเนินการให้แก่ทีมงานของลูกค้าได้อย่างราบรื่นและไร้รอยต่อบริการลีดโลจิสติกส์ นับเป็นบริการที่จะก่อให้เกิดผลดีมากที่สุดแก่บริษัทที่มีระบบซัพพลายเชนที่ซับซ้อน ทั้งในส่วนของโลจิสติกส์ขาเข้าและขาออก ที่มีการปฏิบัติการที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ และมีซัพพลายเออร์ที่หลากหลาย ตัวอย่างที่ดีคือ ผู้ผลิตรถยนต์ ที่มีการนำเข้าชิ้นส่วน วัตถุดิบทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องวางลำดับเวลาที่ถูกต้องตามกระบวนการการผลิต อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าจะมีกระบวนการซัพพลายเชนที่ไม่ซับซ้อน การให้บริการด้านลีดโลจิสติกส์ ก็ยังสามารถช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการได้ และลูกค้าสามารถมุ่งเน้น ที่กิจกรรมหลักของตนเองได้ดียิ่งขึ้น “DHL จะเป็นผู้จัดการความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ เอง ดังนั้นลูกค้าจะสามารถโฟกัสในการทำงานที่พวกเขาถนัดที่สุดได้” Mr. Pinto กล่าว
“ที่กรุงเทพฯ เรามีทั้งทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี นอกจากนี้หากเราต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เรายังมีเครือข่ายการทำงานที่ครอบคลุมทั่วโลกที่สามารถเรียกใช้งานได้ตลอดเวลา” คุณสุเทพ กล่าว “เรามีเครื่องมือต่างๆ มากมายที่เราสามารถนำมาใช้สร้างประโยชน์แก่ซัพพลายเชนได้” ด้วยสำนักงานทั่วโลกที่มีอยู่บวกกับความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับบริษัทต่างๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม DHL สามารถนำความรู้ที่สั่งสมมาและรูปแบบการทำงานแบบ best logistics practices มาสู่ลูกค้าได้ “ด้วยการให้บริการด้านลีดโลจิสติกส์ เราสามารถแบ่งปันความรู้กับลูกค้าของเราได้ บ่อยครั้งที่เราตระหนักดีว่า เส้นทางใดจะมีความรวดเร็วกว่าหรือกระบวนการใดจะมีประสิทธิภาพและช่วย ลดต้นทุนได้มากกว่า ฐานข้อมูลความรู้ที่เรามีอยู่ทั่วโลก ทำให้เราสามารถช่วยเหลือและแบ่งปันความรู้เหล่านี้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ผู้ให้บริการ 4PL รายอื่นๆ อาจจะให้บริการแค่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง คือ เป็นผู้ให้คำปรึกษาหรือให้การบริการโดยมีประสบการณ์ที่จำกัด”
DHL มุ้งเน้นในสิ่งที่ในการปฏิบัติการได้จริงกับซัพพลายเชนที่มีความซับซ้อนที่อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีความท้าทาย ซึ่งทีมงานของเราสามารถจัดการแก้ปัญหาและค้นหาโซลูชั่นได้อย่างรวดเร็ว
เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ลูกค้าต้องการให้เกิดขึ้นได้จริง โดยใช้ทรัพยากรจากทั่วโลกของเรา เพื่อให้ขั้นตอนการปฏิบัติการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับกระบวนการด้านลีดโลจิสติกส์นั้น สามารถดำเนินการโดยลูกค้าติดต่อขอคำปรึกษาจากทีมงานด้านลีดโลจิสติกส์ของ DHL จากนั้นบริษัทฯ จะวิเคราะห์ซัพพลายเชนและมองหาช่องทางที่มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า แต่ถ้าหากไม่มีสิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหรือหากซัพพลายเชนของลูกค้ามีประสิทธิภาพสมบูรณ์แล้วทาง DHL จะไม่เสนอให้ลูกค้าทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ หากไม่เกิดประโยชน์แก่ซัพพลายเชน “เราจะไม่แนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงระบบใดๆ หากระบบของลูกค้าสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว ” Mr. Pinto กล่าว “สำหรับการให้บริการด้านลีดโลจิสติกส์ เราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อลูกค้าอย่างแท้จริง หากบริษัทฯ ได้ทำการวิเคราะห์ระบบซัพพลายเชนของลูกค้าและพบวิธีหรือช่องทางที่เหมาะสม DHL ก็จะให้คำแนะนำแก่ลูกค้าว่าตรงไหนที่ควรปรับปรุง”
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริการลีดโลจิสติกส์ของ DHL นั้น แตกต่างจากการขนส่งสินค้าทางอากาศหรือทางทะเลโดยทั่วไป แต่เป็นการกำหนดราคาโดยบวกเพิ่มจากต้นทุน (cost plus model) หรือการคิดเปอร์เซ็นต์จากต้นทุนที่ลดลงไปในซัพพลายเชน
Mr. Pinto กล่าว “เรายินดีที่จะพูดคุยกับลูกค้าทุกประเภทที่คิดว่าซัพพลายเชนของตนเองนั้นจะได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการโลจิสติกส์ที่มีความซับซ้อนน้อยลงไม่ว่าลูกค้านั้นจะเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่หรือเป็นบริษัทเล็กๆ ในท้องถิ่นก็ตาม”
ในฐานะผู้ให้บริการลีดโลจิสติกส์ DHL จะให้บริการโดยเน้นความสำคัญกับผลประโยชน์ของลูกค้ามากที่สุด โดยนโยบายของบริษัทฯ คือการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั้งหมดที่บริษัทฯ แนะนำและบริหารจัดการโดย DHL สามารถนำเสนอบริการด้านโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ให้แก่ลูกค้าแต่บริษัทฯ จะเปรียบเทียบบริการของผู้ให้บริการรายอื่นก่อน เพื่อหาบริการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด “เราอาจมองหาบริษัท 3PL หรือผู้ให้บริการรายอื่นๆ ที่สามารถจัดหาบริการที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้าในแต่ละเส้นทางการค้า” คุณสุเทพ กล่าว “ถ้าหากบริการนั้นๆ เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า เราก็ยินดีที่จะแนะนำให้ลูกค้าไปใช้บริการนั้น” DHL ทำงานร่วมกับลูกค้าทั้งในกระบวนการจัดการ การติดตามผลการดำเนินงานและผล KPI ของผู้ให้บริการทั้งหมด ซึ่ง DHL ควบคุมการตรวจสอบดังกล่าวอย่างโปร่งใส
จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น บริษัทแต่ละแห่งประสบกับแรงกดดันในการลดต้นทุนให้ได้ต่ำที่สุด ซึ่งท้ายที่สุดแล้วงานโลจิสติกส์อาจเป็นช่องทางสุดท้ายที่ลูกค้ารีดประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในซัพพลายเชนได้อย่างแท้จริง
DHL’s LLP Service
DHL เข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ เคมี พลังงาน วิศวกรรม อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ความสำเร็จในการให้บริการลีดโลจิสติกส์ เกิดจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการ ร่วมกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นการส่งมอบคุณค่าให้แก่ธุรกิจของลูกค้า รวมไปถึงการนำทักษะและประสบการณ์การทำงานอันหลากหลายมาใช้ในการปฏิบัติการ เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้า ซึ่งบริการด้านลีดโลจิสติกส์ ครอบคลุมถึง
▪ บริการวิเคราะห์และออกแบบเครือข่าย
▪ บริการให้คำปรึกษา
▪ การวางแผนธุรกิจ
▪ การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง
▪ การบริหารโครงการ
▪ การควบคุมและการบริหารจัดการ เครือข่าย
▪ บริการจัดการเครือข่าย และการควบคุมโดยรวม (Control Tower) การประสานงานฐานซัพพลายเออร์ในการขนส่ง หลายรูปแบบข้ามหลายพื้นที่
▪ การวางแผนด้านคงคลังสินค้าและบริหารจัดการ
▪ การบริหารจัดการโลจิสติกส์ทั้งขาเข้า-ขาออก รวมถึงบริการโลจิสติกส์แบบย้อนกลับ (reverse logistics)
Key benefits of DHL’s LLP Service
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการ เช่น ด้านการกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า การจัดซื้อสินค้า และด้านแรงงาน
- ช่วยลดเงินทุนหมุนเวียน ระดับคงคลังสินค้าน้อยลง และช่วงระยะเวลาสั่งซื้อสินค้าสั้นลง
- ช่วยลดต้นทุน เนื่องจากเครือข่ายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถบริหารสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- สินค้ามีคุณภาพมากขึ้น การบริการลูกค้าดีขึ้นและสินค้าพร้อมจำหน่ายมากขึ้น มีการลงทุนน้อยลง มีผลกำไรสูงขึ้น และเพิ่มมูลค่าส่วนแบ่งทางธุรกิจแก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่