ACC3 มาตรการตรวจสอบความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าทางอากาศ ของสหภาพยุโรป

0
8747
EU flag. European Union flag on a flagpole waving on a bright blue sky background

เหตุวินาศกรรม เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และการตรวจพบวัตถุระเบิดบนเครื่องบินขนส่งสินค้าจากเยเมน เมื่อปี 2010 ส่งผลให้สหภาพยุโรปกำหนดมาตรการความปลอดภัยสำหรับการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ จากประเทศนอกเครือสหภาพยุโรป หรือ Air Cargo and Mail Carrier Operating into the Union from a Third Country Airport (ACC3) ซึ่งได้กลายเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่สำคัญ สำหรับผู้ส่งออกที่ต้องการจัดส่งสินค้าทางอากาศไปยังปลายทางในสหภาพยุโรป ซึ่งรวมถึงสินค้าถ่ายลำสินค้าที่ท่าอากาศยานในสหภาพยุโรปด้วย

Secure components

เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่มีความปลอดภัยโดยสมบูรณ์ สำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศไปยังประเทศปลายทางในสหภาพยุโรป และในขณะเดียวกันก็ช่วยกระชับกระบวนการให้มีความลื่นไหล ลดความล่าช้าในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุระเบิด ทางคณะกรรมการสหภาพยุโรปจึงเปิดโอกาสให้หน่วยธุรกิจในซัพพลายเชน สามารถขอรับการประเมินและตรวจรับรองจากผู้ตรวจสอบอิสระซึ่งได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป โดยแบ่งมาตรฐานการรับรองออกเป็นสามประเภท ได้แก่ ACC3, KC3 และ RA3

ACC3 กำหนดให้ทุกสายการบินที่ต้องการเดินทางเข้าสู่สหภาพยุโรป จะต้องได้รับการรับรองมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยของกระบวนการปฏิบัติการขนส่งสินค้า ณ ท่าอากาศยานที่เที่ยวบินของสายการบินนั้นทำการบินเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่สหภาพยุโรป (LPD)

KC3 (Known Consignor) หรือผู้ส่งทราบตัวตน คือผู้ส่งออกสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

RA3 (Regulated Agent) หรือตัวแทนควบคุม คือ ตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) รวมไปถึงผู้บริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Operator) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

The Impregnable Supply Chain

สำหรับผู้ส่งสินค้า เพียงเลือกจัดส่งสินค้าผ่านสายการบินที่ได้รับสถานะ ACC3 ก็จะสามารถส่งออกสินค้าไปยังปลายทางในสหภาพยุโรปได้โดยตรง หากแต่ภาระการตรวจสอบสินค้าจะตกไปอยู่กับผู้บริหารจัดการคลังสินค้าที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสายการบินในการตรวจสอบสินค้า เนื่องจากสินค้าที่จัดส่งไปยังปลายทางสหภาพยุโรป จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยสินค้าทุกชิ้นจะต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ซึ่งกรณีที่สินค้ามีความหนาทึบสูงจนไม่สามารถระบุวัตถุได้ด้วยการเอ็กซเรย์ สินค้านั้นๆ จะต้องถูกตรวจสอบด้วยวิธีการอื่น อาทิเช่น อุปกรณ์ตรวจจับร่องรอยของสารวัตถุระเบิด (Explosives Trace Detector) หรือการตรวจสอบทางกายภาพ (Physical Search) อันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา เนื่องจากจำเป็นต้องเปิดตรวจถึงตัวสินค้า และเมื่อรวมขั้นตอนการนำสินค้าออกจากบรรจุภัณฑ์เพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นจึงบรรจุสินค้ากลับใส่บรรจุภัณฑ์ให้เรียบร้อย ก็อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

ด้วยเหตุนี้ การส่งสินค้าผ่านตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งสินค้า รวมไปถึงผู้ให้บริการขนส่งสินค้าภาคพื้นที่ได้รับการรับรองสถานะ RA3 เช่น BFS และ Thai Cargo ก็จะช่วยให้กระบวนการขนส่งสินค้าไปยังสหภาพยุโรปมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นสินค้าที่จัดส่งโดยผู้ส่งออกสินค้าได้รับการรับรอง KC3 ผ่านตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและผู้ให้บริการขนส่งสินค้าภาคพื้นที่ได้รับการรับรอง RA3 ด้วย ก็จะสามารถกระชับขั้นตอนการตรวจสอบที่ซับซ้อนดังกล่าว และดำเนินการขนส่งไปยังสหภาพยุโรปได้อย่างรวดเร็ว

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Amazon ร่างแผนสร้างงานใหม่ ล้านตำแหน่งในอินเดียภายในปี 2025
บทความถัดไปCEVA Logistics Thailand รับรางวัลจาก Colgate-Palmolive
Thanathas Akkhachotkawanich
Bangkok grew, Australian aged, Silicon Valley matured, this aspiring writer adds flavor to our team with his aspiring smile and quill-tip talents.