ระบบแจ้งเข้ารับสินค้าล่วงหน้า (Import Collection Process) ของ BFS ยกระดับการเข้ารับสินค้าให้สะดวกกว่าเดิม

0
7641

การเข้าไปรับสินค้าในเขตปลอดภาษีอากรอาจมีความซับซ้อนและมีการดำเนินเอกสารหลายขั้นตอน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและใส่ใจในการให้บริการลูกค้า เพื่อให้ขั้นตอนการเข้าไปรับสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายสูงสุด บริษัทผู้ให้บริการรับจัดการสินค้าภาคพื้นชั้นนำในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่าง BANGKOK FLIGHT SERVICES หรือ BFS มีระบบที่ช่วยในการเข้ารับสินค้าอย่าง กระบวนการแจ้งรับสินค้าล่วงหน้า (IMPORT COLLECTION PROCESS) เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการดำเนินขั้นตอนเพื่อเข้ารับสินค้าล่วงหน้าได้

BFS บริษัทผู้นำในการให้บริการจัดการสินค้าภาคพื้น ที่มีคลังสินค้าตั้งอยู่ในเขตปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเป็นการก่อตั้งองค์กรร่วมกันระหว่างบริษัท Worldwide Flight Services และ สายการบิน Bangkok Airways ปัจจุบัน BFS ให้บริการรับจัดการสินค้าด้วยความปลอดภัยและได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาเป็นเวลามากกว่าสิบปี และจนถึงวันนี้ BFS ก็ยังไม่เคยหยุดพัฒนาและต่อยอดการทำงาน เพื่อการให้บริการด้วยมาตรฐานสูงสุด

ด้วยความสามารถในการปฏิบัติการด้านขนส่งสินค้าและความไว้วางใจในบริการ BFS จึงเป็นผู้ให้บริการขนถ่ายสินค้าภาคพื้นอันดับต้นๆ ที่ผู้ใช้บริการเลือกใช้ มีเครื่องพิสูจน์ได้จากในแต่ละวัน BFS มีปริมาณสินค้าขาเข้าผ่านคลังราว 400 ถึง 500 ตันต่อวัน คิดเป็นสี่ถึงห้าแสนกิโลกรัม ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าที่เข้ามารับสินค้า ทาง BFS มีระบบแจ้งเข้ารับสินค้าล่วงหน้า โดยลูกค้าเพียงกรอกข้อมูล Import Master Air Waybill (MAWB) และ House Air Waybill (HAWB) ก็สามารถแจ้งวันและเวลาที่เข้ามารับสินค้าได้ โดยระบบดังกล่าวของ BFS ยังสอดคล้องกับ Pre-arrival Processing ของกรมศุลกากร ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการพิธีการศุลกากรและเสียภาษีนำเข้าที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2018 อีกด้วย เมื่อผู้ใช้บริการดำเนินเรื่องผ่านระบบทั้งสองตัวแล้ว ในวันที่เข้ามารับสินค้าก็สามารถประหยัดเวลาในการดำเนินการและสามารถนำสินค้าเข้าประเทศได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ Import Collection Process มากขึ้น นิตยสาร AFL ฉบับนี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณกิตติธัช ฉัตรรักษา และ คุณสมปอง สุขขัง ผู้จัดการคลังสินค้า แผนกสินค้าขาเข้าและสินค้าเร่งด่วน เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของระบบ และเบื้องหลังความสำเร็จของความสามารถในการปฏิบัติการของ BFS

Introducing Import Collection Process

เป็นที่ทราบกันดีว่า ขั้นตอนการเข้าไปรับสินค้าในเขตปลอดอากร มีการดำเนินการหลายขั้นตอนและใช้เวลาในการดำเนินการ ตั้งแต่การขออนุญาตเข้าเขตปลอดอากร การชำระค่าบริการคลังสินค้า การปฏิบัติการพิธีการศุลกากรและเสียภาษีนำเข้า รวมทั้งหลายครั้งเมื่อผู้ใช้บริการหลายรายเข้ามารับสินค้าพร้อมกัน พื้นที่บริเวณหน้าคลังสินค้าก็มีความแออัดมากกว่าปกติ ด้วยการเล็งเห็นสถานการณ์ในส่วนนี้และต้องการประหยัดเวลาในการเข้ามารับสินค้าให้แก่ผู้ใช้บริการ รวมทั้งทำให้ขั้นตอนการเข้ามารับสินค้าในเขตปลอดอากรเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายดายมากขึ้น BFS จึงได้สร้างระบบแจ้งรับสินค้า ล่วงหน้า โดยผู้ใช้บริการสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างสะดวกและง่ายดายผ่านเว็บไซต์ของ BFS ได้

คุณกิตติธัช ฉัตรรักษา

คุณกิตติธัช กล่าวว่า “BFS เปิดตัวระบบ Import Collection Process มาหลายปีแล้ว จากความตั้งใจในการยกระดับการเข้ามารับสินค้าให้รวดเร็วขึ้น ลูกค้าสามารถดำเนินเรื่องผ่านเว็บไซต์ได้ล่วงหน้าอย่างง่ายดาย โดยไม่เสียค่าบริการใดๆ ซึ่งหากติดขัดหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการก็สามารถสอบถามผ่าน Customer Care ของ BFS ได้ตลอด ในการเข้ามารับสินค้าที่คลังสินค้านั้น โดยส่วนใหญ่ ผู้ใช้บริการมักเข้ามารับสินค้าในเวลาใกล้เคียงกันคือระหว่าง 13.00 ถึง 17.00 น. ซึ่งเมื่อมีผู้ใช้บริการเข้ามารับสินค้าเป็นจำนวนมากในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้พื้นที่หน้าคลังสินค้ามีความแออัด รวมทั้งใช้เวลาในการรับสินค้าและดำเนินเอกสารต่างๆ มาก กว่าปกติ แต่หากลูกค้าดำเนินการแจ้งรับสินค้าล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ BFS บุคลากรของเราจะทราบข้อมูลล่วงหน้าว่า ลูกค้าจะเข้ามารับสินค้าในช่วงวันและเวลาไหน สินค้าที่จะเข้ามารับมีจำนวนกี่ชิ้น สินค้าแต่ละชิ้นอยู่บริเวณไหนในคลังสินค้า จากนั้น ทีมบุคลากรจะจัดเตรียมสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อเตรียมมอบให้ผู้ใช้บริการได้ตรงตามเวลาที่ลูกค้าระบุ การแจ้งเรื่องล่วงหน้ามีความสะดวกกว่าการที่ลูกค้าเข้ามาดำเนินเรื่องแบบไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เพราะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาสินค้าและการยกขนสินค้าได้”

ระบบ Import Collection Process ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยเล็งเห็นความต้องการและความสะดวกของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งไม่เพียงสะดวกกับลูกค้าที่เป็นผู้ที่เข้ามารับสินค้าเองในของ
เวลาการเข้ารับที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อลูกค้าที่เป็นบริษัท freight forwarder อีกด้วย คุณสมปอง กล่าวว่า “การใช้บริการระบบ Import Collection Process ช่วยให้บริษัท freight forwarder หรือบริษัทตัวแทนผู้รับจัดการสินค้า ได้รับประโยชน์ในการรักษา KPI หรือมาตรฐานของเวลาการเข้ารับสินค้าได้ ซึ่งหากเทียบกับบริษัทฯ รายอื่นที่ไม่ได้ดำเนินการล่วงหน้าก็ย่อมใช้เวลาในการดำเนินการมากกว่า บริษัทฯ ที่ดำเนินการล่วงหน้าสามารถใช้ประโยชน์ในเรื่องของเวลาเป็นข้อได้เปรียบในการปฏิบัติการได้”

คุณกิตติธัช กล่าวเสริมว่า “ขั้นตอนการดำเนินการผ่าน Import Collection Process ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงกรอกหมายเลข MAWB และ HAWB ในเว็บไซต์ของเรา เมื่อ
ผู้รับมาถึงบริเวณคลังสินค้าของเราก็สามารถประหยัดเวลาในการเข้ามารับสินค้าได้ นอกจากนี้ การปฏิบัติการพิธีการศุลกากรยังสะดวกมากขึ้นอีก โดยกรมศุลกากร ได้ทำการผลักดันโครงการ Pre-arrival Process ซึ่งเป็นระบบการดำเนินการศุลกากรล่วงหน้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ศุลกากร โดยลูกค้าสามารถดำเนินการชำระเงินค่าภาษีอากรล่วงหน้าได้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เพิ่มความสะดวกขึ้นไปอีกขั้น เมื่อลูกค้าจากต้นทางนำสินค้าขึ้นเครื่องบิน ข้อมูลจากสายการบินก็จะถูกส่งมายังคลังสินค้าและผู้รับสินค้าปลายทาง ทำให้ทราบข้อมูลต่างๆ ได้ล่วงหน้าก่อนที่สินค้าจะถึงปลายทาง สายการบินจะส่งข้อมูลมายังสถานีปลายทางภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากอากาศยานออกจากสนามบินต้นทาง เพื่อให้ตัวแทนอากาศยานได้ส่งข้อมูลรายงานศุลกากร และผู้นำเข้าสามารถส่งข้อมูลการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าล่วงหน้าได้ก่อนเครื่องบินจะมาถึง และเมื่อเครื่องบินมาถึงก็สามารถติดต่อคลังสินค้าเพื่อชำระค่าบริการการใช้คลังสินค้า และรอรับสินค้าได้เลย ซึ่งจะให้สะดวก รวดเร็ว และลดเวลาในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรได้มาสามารถนำส่งสินค้าให้ถึงมือเจ้าของสินค้าอย่างรวดเร็ว”

คุณสมปอง กล่าวเสริมว่า “เมื่อผู้ใช้บริการดำเนินการระบบทั้ง Import Collection Process และ Pre-arrival Process จะถือเป็นตัวช่วยสำคัญให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการดำเนินการต่างๆ ได้ เมื่อลูกค้าดำเนินการผ่านเว็บไซต์ก็สามารถเข้ามารับสินค้าตามเวลาที่กำหนด โดยคลังสินค้าของเราเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถเข้ามารับสินค้าได้ตลอดเวลาทำการ เรามีการบริหารจัดการบุคลากรให้เพียงพอและพร้อมให้บริการตลอดเวลา”

Never Stop Improving

จากการพัฒนาบริการและการบริหารจัดการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ให้บริการการรับจัดการสินค้าภาคพื้นชั้นนำอย่าง ถือ BFS มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของผู้ใช้บริการและพื้นที่การรองรับสินค้า คุณกิตติธัช กล่าวว่า “จากช่วงปีแรกที่เราให้บริการ BFS ให้บริการสายการบินประมาณ 20 ราย จนถึง ณ วันนี้ เรามีการเติบโตมากขึ้นจนสามารถให้บริการได้มากกว่า 60 รายแล้ว หากถามว่า เพราะเหตุใด BFS จึงมีการเติบโต ขึ้นแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เราสามารถพูดได้ว่า องค์กรของเรามีจุดแข็งในการให้บริการ ธรรมชาติของการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ต้องอาศัยความรวดเร็วและความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งทั้งสองปัจจัยก็เป็นสิ่งที่องค์กรของเราให้ความสำคัญเสมอมา ในคลังสินค้าของเรามีผู้จัดการปฏิบัติงาน ผลัดประจำคลังสินค้าคอยดูแลอยู่ตลอด ทำให้เมื่อเกิดข้อติดขัดใดๆ ก็ตาม ผู้จัดการปฏิบัติงานผลัดประจำกะนั้นมีอำนาจในการตัดสินใจและ แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ทำให้ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและฉับไว ซึ่งจุดแข็งด้านความรวดเร็วของเรา ไม่เพียงเฉพาะ การรับมือกับปัญหาเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งการปฏิบัติการต่างๆ ภายในคลังสินค้าด้วย อาทิ การส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าที่เข้ามารับสินค้า ลูกค้าสามารถรับสินค้าชิ้นแรกภายในเวลา 25 นาที หลังการสแกนคิว นั่นเป็น KPI ที่ BFS ตั้งไว้ และเรา ก็สามารถรักษามาตรฐานนั้นไว้ได้มาโดยตลอด”

คุณสมปอง กล่าวว่า “นอกจากการเติบโตของปริมาณผู้ใช้บริการแล้ว ปริมาณสินค้าที่ผ่านคลังสินค้าของเราก็มีการเติบโตขึ้นด้วย เรามีการขยายขีดความสามารถในการรองรับสินค้าอยู่เสมอ แม้ว่าปัจจุบันเราจะมีพื้นที่จำกัดในแนวราบ แต่เราสามารถรองรับสินค้าให้มากขึ้นได้เพราะการหันมาขยายพื้นที่ในแนวดิ่งแทน ปัจจุบัน เรามีชั้นจัดเก็บสินค้าหลายรูปแบบ เหมาะกับสินค้าหลากหลายขนาดและประเภท นอกจากนี้ ด้วยขั้นตอนการบริหารจัดการสินค้าที่ดีทำให้การจัดเก็บและส่งมอบสินค้าเป็นไปอย่างมีระเบียบและสะดวก รวมทั้งมีความปลอดภัยอีกด้วย”
คุณกิตติธัช กล่าวว่า “เราหาวิธีการใช้แนวดิ่ง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการลงทุนจัดซื้อชั้นวาง สินค้า (high bay racking) ตู้จัดเก็บกล่องสินค้าขนาดเล็กจำนวน 6 ตู้ ระบบจัดเก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ (bin control system: BCS) ซึ่งเครื่องล่าสุดตัวที่สอง ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วซึ่งสามารถรองรับการจัดเก็บได้ที่ 1,072 โลเคชั่น และปีนี้ก็จะลงทุนทำชั้นจัดเก็บแผ่น/ตู้ที่ ETV จาก 3 ชั้นเป็น 4 ชั้น เพื่อให้สามารถรองรับกับปริมาณสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น”

Moving Forward

ด้วยความมุ่งมั่นในการให้พัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่เพียงผู้ใช้บริการเท่านั้นที่ประทับใจ BFS แต่รวมถึงบุคลากรที่เป็นส่วนหนึ่งและช่วยขับเคลื่อนองค์กรแห่งนี้ไปข้างหน้าอีกด้วย คุณกิตติธัช กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานในองค์กร สิ่งที่ผมประทับใจในองค์กรมาโดยตลอดคือ การที่องค์กรของเรามีจุดยืน ในแต่ละปี BFS จะมีการกำหนดว่า เราจะมีให้ความสำคัญกับหัวข้อไหน เช่น ปีนี้ทางองค์กรของเราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก ก็จะมีการรณรงค์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำและทวนความรู้และหลักการต่างๆ ให้กับพนักงานอยู่เสมอ”

คุณสมปอง กล่าวว่า “สำหรับผมมองว่า องค์กรของเรามีจุดแข็งในเรื่องของการวางระบบที่ดี ซึ่งมีส่วนช่วยให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบริหารจัดการได้ดีมากขึ้น อาทิ ระบบการปฏิบัติการต่างๆ ภายในคลังสินค้า และระบบการบริหารจัดการบุคลากร ซึ่งช่วยให้เราวิเคราะห์และบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับปริมาณงานได้ เราสามารถนำระบบมาช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์ได้ว่า คลังสินค้าของเราจะมีปริมาณสินค้ามากในช่วงไหน ส่งผลให้สามารถปรับเปลี่ยนตารางงานของบุคลากรในคลังสินค้าให้สมดุลและเพียงพอกับปริมาณงานในช่วงนั้นได้”

ด้วยการมีจุดยืนที่ชัดเจน การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดเจนว่า นับตั้งแต่ปีแรกที่ให้บริการจนถึงปัจจุบัน BFS ยังไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับปรุงและคิดค้นระบบ รวมทั้งวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างราบรื่นและพัฒนาบุคลากรและองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถือได้ว่าเป็นผู้ให้บริการยกขนสินค้าที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าอย่างแท้จริง

การแจ้งรับสินค้าล่วงหน้า

ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งดำเนินการเข้ารับสินค้าล่วงหน้าก่อนเข้ามารับของอย่างน้อย 2 ชั่วโมงได้ที่

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-131-5555 ext.5556-9

และแผนกลูกค้าสัมพันธ์ที่ 02-131-5555 ext.5518

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้ไขเบื้องหลังการจัดการขนส่งผลงานศิลปะชิ้นเอกสำหรับนิทรรศการศิลป์ระดับโลก
บทความถัดไปFreshport Asia ชูโซลูชั่นการห่อคลุมที่มีความหลากหลายและตอบสนองทุกความต้องการ
Pichanon Paoumnuaywit
tech and history geek, who enjoys hunting and photographing dark skies and milky way