DHL Global Forwarding เปิดศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ล่าสุดใน Brisbane ออสเตรเลีย เพื่อตอบสนองความต้องการส่งออกสินค้าประเภทของสดเสียง่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเม็ดเงินลงทุน 11 ล้านยูโร ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี
โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของรัฐ Queensland มีมูลค่าถึง 10.72 พันล้านเหรียญออสเตรเลียในปี 2022 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 25.5 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ศูนย์ปฏิบัติการขนาด 4,880 ตร.ม. ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะมอบบริการด้านสินค้าควบคุมอุณหภูมิระดับสากลในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดใน Brisbane ถึง 1,700 ตร.ม. โดยประกอบด้วยบริการสำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบครบวงจร ครอบคลุมประเภทสินค้า อาทิ เนื้อสัตว์คุณภาพสูง ผลิตผลสด และอาหารทะเล โดยศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณท่าอากาศยาน Brisbane พร้อมมีพื้นที่เชื่อมต่อสู่เขตการบิน และถือเป็นบริษัทตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้ารายแรกและรายเดียวที่มีบริการดังกล่าว และยังตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ Brisbane อีกด้วย
Mr. George Lawson กรรมการผู้จัดการ บริษัท DHL Global Forwarding Australia กล่าวว่า “เราสร้างศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ใน Brisbane เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับสินค้าประเภทของสดเสียง่ายที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ภาคการเกษตรและการประมงเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจของ Queensland และยังคงมีความแข็งแกร่งแม้จะต้องประสบเหตุที่ทำให้หยุดชะงักจากโรคระบาด การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของ Queensland โดยภาพรวมเพิ่มขึ้นถึง 16 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้ การขยายศูนย์ปฏิบัติการของเราจะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ และช่วยลูกค้าของเราในการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายที่อ่อนไหวต่อเวลาและความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่นี้จะรองรับการเติบโตสำหรับสินค้าทั่วไปใน Queensland ด้วย”
ศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ยังได้รับการพัฒนาขึ้นโดยสอดคล้องกับหลักการของ Green Building Council of Australia (GBCA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านอาคารและชุมชนที่มีความยั่งยืน ในระดับห้าดาว ‘Greenstar’ โดยศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 458 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์เกือบ 100 คัน ออกจากท้องถนนเป็นเวลาหนึ่งปี และยังมีแผงโซลาร์เซลล์ที่จะช่วยชดเชยพลังงานได้ 35 เปอร์เซ็นต์ต่อปี พร้อมแบตเตอรี่สำรองพลังงานสำหรับการปฏิบัติการในช่วงกลางคืน อีกทั้งยังใช้ระบบไฟส่องสว่างแบบประหยัดพลังงาน พร้อมเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ระบบเก็บกักน้ำฝน และยังมีจุดชาร์จไฟสำหรับยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า (EV) อีกด้วย
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติแห่งนี้ยังมีการออกแบบที่สนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันและการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working) ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งจากที่สำนักงานและที่บ้าน รวมถึงมีพื้นที่ภายในอาคารที่แสงธรรมชาติส่องถึง พร้อมพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อน ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่