DHL Supply Chain เดินหน้าแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเท่ากับศูนย์

0
1221

DHL Supply Chain ผู้ให้บริการโซลูชันโลจิสติกส์ชั้นนำ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเปลี่ยนพลังงานอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ในคลังสินค้าในย่านบางนารวมสี่แห่ง มูลค่ารวมราว 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 36 ล้านบาท

โดย DHL Supply Chain ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาคลังสินค้าทั้งสี่แห่ง ใน DHL Bangna Logistics Campus จ.สมุทรปราการ คิดเป็นพื้นที่แผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด 11,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอลสามแห่ง

พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในคลังสินค้า และคาดว่าจะสามารถผลิตพลังงานได้ 38 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใช้งาน รวมทั้งลดการใช้พลังงานลงได้ปีละ 20 เปอร์เซ็นต์

Mr. Mike Davies ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ DHL Supply Chain Thailand Cluster กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในประเด็นที่เราให้ความสำคัญเสมอ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา DHL Supply Chain Thailand ได้ปรับใช้นวัตกรรมมากมายในการขนส่งและการปฏิบัติการคลังสินค้าในประเทศไทย เพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ถือเป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาอาคารที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเท่ากับศูนย์ และช่วยผลักดันภารกิจของ Deutsche Post DHL Group ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกิจกรรมโลจิสติกส์ทั้งหมดให้เท่ากับศูนย์ภายในปี 2050”

บริษัทฯ​ ยังมีการปรับใช้โซลูชันโลจิสติกส์สีเขียวสำหรับคลังสินค้า รวมทั้งเทคโนโลยีอื่นๆ ดังนี้

  • ไฟ LED ตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งจะเปิดใช้งานตามเวลาและพื้นที่ปฏิบัติงานเฉพาะ
  • แผงไฟโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งรอบๆ พื้นที่คลังสินค้าสำหรับส่องสว่างด้านนอกอาคาร
  • การบริหารจัดการของเสียที่ช่วยให้ธุรกิจของลูกค้ามีขยะเท่ากับศูนย์ (zero waste) ผ่านกระบวนการลดขยะ การรีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ใหม่

นอกจากนี้ การดำเนินการขนส่งอย่างยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นหลัก โดยบริษัทฯ​ ได้ใช้โซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ถึงหกเปอร์เซ็นต์ในปี 2020 เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประกอบด้วย

  • TRAILAR: เทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาฝูงรถด้วยเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ‘TRAILAR’ จากสหราชอาณาจักร โดย DHL Supply Chain ถือเป็นบริษัทโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่มีฝูงรถที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้ถึง 36 คัน
  • Telematics: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและแก้ปัญหาการวางเส้นทางการเดินรถ โดยการประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีนี้ได้ติดตั้งทั้งในรถของ DHL และรถของผู้รับเหมาช่วง
  • Biofuel: รถบรรทุกทั้งหมดของ DHL Supply Chain Thailand ใช้เชื้อเพลิงที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพแบบผสม เพื่อลดการปล่อยมลพิษ

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้LEO จับมือ China Post เสริมประสิทธิภาพปฏิบัติการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซทั่วโลก
บทความถัดไปYusen Logistics คว้าใบรับรอง CEIV Pharma ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ Narita