Kuehne+Nagel ประสบความสำเร็จในการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าผ่านเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (transatlantic) โดยใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรกของโลก โดยเที่ยวบินดังกล่าวปฏิบัติการออกจากท่าอากาศยาน London Heathrow และลงจอดที่ท่าอากาศยาน New York JFK
โดย Kuehne+Nagel มุ่งมั่นสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยเที่ยวบินนี้ Kuehne+Nagel ได้บริหารจัดการพื้นที่ระวางสินค้า และจัดการปริมาณสินค้าที่ขนส่งให้สอดคล้องกับปริมาณเชื้อเพลิง SAF ที่ใช้
Mr. Yngve Ruud สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ฝ่ายโลจิสติกส์ทางอากาศ บริษัท Kuehne+Nagel กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ในเส้นทางการให้บริการของเราที่มีต่อเป้าหมายอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืนและเราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศของสายการบินเชิงพาณิชย์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิง SAF ตลอดเที่ยวบินได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ สำเร็จเป็นรายแรกของโลก ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนกลุ่มสมาคมที่ผลักดันการใช้ SAF ที่มีสายการบิน Virgin Atlantic เป็นผู้นำในการผลักดันด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เท่ากับศูนย์ในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศ”
Kuehne+Nagel มีความมุ่งมั่นในการดำเนินตามเป้าหมายเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอนาคตตามเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนให้เท่ากับศูนย์ โดยเที่ยวบินในครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึงอีกก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืน ด้วยการแสดงให้เห็นศักยภาพของการใช้เชื้อเพลิง SAF ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล
ทั้งนี้ เชื้อเพลิง SAF ที่ให้พลังงานกับเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent 1000 สองตัว บนเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ได้รับการผลิตขึ้นจากเชื้อเพลิง SAF ที่มี Hydroprocessed Esters and Fatty Acids (HEFA) ซึ่งมีสารตั้งต้นเป็นน้ำมัน ในอัตราส่วน 88 เปอร์เซ็นต์ และ Synthetic Aromatic Kerosine (SAK) ในอัตราส่วน 12 เปอร์เซ็นต์
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่