Nippon Express Europe จับมือ Lufthansa Cargo ร่วมใช้งานเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน

0
511

บริษัท Nippon Express Europe และสายการบิน Lufthansa Cargo ร่วมลงนามสัญญาสนับสนุนการใช้งานเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ในการปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งเชื้อเพลิงดังกล่าวจะช่วยให้ Nippon Express Group ลดการปล่อยมลภาวะลงได้ 3,150 ตันต่อปีโดยประมาณ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมไปถึงการมีส่วนร่วมในโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการขนส่งเชื้อเพลิง SAF อีกด้วย

โดย Nippon Express Group ได้ตั้งเป้าเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนรูปแบบ SCOPE 1 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง) และ SCOPE 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน) ลง 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030 โดยเทียบกับอัตราการปล่อยคาร์บอนในปี 2013 เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ทั้งนี้ สำหรับปี 2023 บริษัทฯ ตั้งเป้าลดการปล่อยมลภาวะลง 350,000 ตัน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2013 นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Nippon Express Holdings ยังได้ส่งจดหมายแสดงความตั้งใจขอรับการรับรองการเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Science Based Targets (SBT) อีกด้วย

Lufthansa Cargo ดำเนินพันธกิจตามแผนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนทั้งหมดห้าข้อ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยสายการบินฯ ได้สนับสนุน Lufthansa Group ในการเดินตามความมุ่งมั่นด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งประกอบด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิลงกึ่งหนึ่งภายในปี 2030 โดยอิงจากปี 2019 เป็นปีฐาน ทั้งนี้ แผนการเพื่อลดการปล่อยมลภาวะของ Lufthansa Group ได้รับการรับรองโดย Science Based Initiative (SBTi) ส่งผลให้ Lufthansa Group เป็นกลุ่มสายการบินรายแรกในยุโรปที่มีแผนการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นกระบวนการเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงปารีสตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Climate Agreement) ในปี 2015

นอกจากนี้ Lufthansa Cargo ยังสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้วยการใช้ฝูงเครื่องบินขนส่งสินค้า Boeing 777F ที่รองรับการปฏิบัติการพิสัยไกล นวัตกรรมการลดแรงต้านอากาศ AeroSHARK ตู้เก็บสินค้า ตาข่าย และวัสดุห่อหุ้มน้ำหนักเบาจากวัสดุรีไซเคิล และระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมมาตรฐาน ISO โดยลูกค้าของสายการบินฯ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือคำนวณการปล่อยมลภาวะผ่านระบบ eBooking และตัวเลือกบริการ ‘Sustainable Choice’ สำหรับการขนส่งสินค้าในทุกรูปแบบอีกด้วย


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าสู่อเมริกา: AMS คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการขนส่งสินค้าไป USA?
บทความถัดไปBolloré Logistics เปิดตัวศูนย์โลจิสติกส์สินค้ายานยนต์แห่งแรกในเม็กซิโก