สายการบินพัทยาแอร์เวย์ (Pattaya Airways) ต้อนรับเครื่องบินขนส่งสินค้า ATR 72-500 Freighter ลำแรกสู่ฝูงบิน ภายใต้ชื่อไทย ‘ทัณฑิมา’ หรือ ‘Tandhima’ ตามแผนการดำเนินงานของสายการบินฯ ในการขยายตลาดการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีฐานการปฏิบัติการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา โดยในโอกาสนี้ ทีมผู้บริหารและพนักงานของ Pattaya Airways นำโดย คุณทศพร อสุนีย์ ประธานกลุ่มบริษัทพัทยา และ คุณณัฏฐน์ บุณยวิชญ์กานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทพัทยา ร่วมจัดพิธีต้อนรับ
Pattaya Airways วางแผนที่จะใช้เครื่องบิน ATR 72-500 Freighter จำนวนสองลำในปีแรก เพื่อขยายตลาดการขนส่งสินค้าทางอากาศและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเครื่องบิน ATR 72-500 Freighter มีประสิทธิภาพในด้านการบรรทุกสินค้า เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งสินค้าการเกษตร อาหาร เภสัชภัณฑ์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ เครื่องบินดังกล่าวยังสามารถบรรทุกสินค้าได้สูงสุด 8 ตัน และบินได้ไกลถึง 900 ไมล์ทะเล หรือราว 1,666.8 กิโลเมตร
คุณทศพร เปิดเผยว่า “Pattaya Airways มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในอาเซียน ด้วยการขยายฝูงบิน ATR 72-500 Freighter สายการบินฯ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและขยายเครือข่ายการขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้ โดยตามแผนการดำเนินงานของสายการบินฯ เครื่องบิน ATR 72-500 Freighter ลำที่สองจะมีกำหนดเข้าประจำการภายในเดือนพฤษภาคมนี้ นอกจากนี้ สายการบินฯ ยังวางแผนที่จะเพิ่มฝูงบินเป็นห้าลำภายในปี 2028 ด้วย”
นอกจากนี้ Pattaya Airways ยังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ (Air Operating License หรือ AOL) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นขอใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificate หรือ AOC) ซึ่งคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตและสามารถเริ่มให้บริการได้ตามกรอบเวลาที่วางแผนไว้ โดยสายการบินฯ คาดการณ์ว่าจะเริ่มการปฏิบัติการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
คุณณัฏฐน์ กล่าวเสริมว่า ” Pattaya Airways จะให้บริการร่วมกับคู่ค้าพันธมิตร B2B ที่ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้กลายเป็น NEW NORMAL ในปัจจุบัน เนื่องด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ชมากขึ้น การให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศจึงถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและขยายฐานธุรกิจของผู้ประกอบการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการขนส่งอีกด้วย”
“ข้อได้เปรียบจากธุรกิจรูปแบบต่อเนื่องของบริษัทในเครือพัทยากรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการภาคพื้น การตลาดในด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือว่ามีปริมาณน้ำหนักในการขนส่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาให้บริการในท่าอากาศยานที่ได้มาตรฐานระดับโลก สะท้อนให้เห็นว่า Pattaya Airways มีศักยภาพในการปฏิบัติการในทุกด้าน” คุณทศพรกล่าวทิ้งท้าย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่