สายการบิน Cathay เดินหน้าโครงการเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน โดยล่าสุดได้ต้อนรับ DB Schenker บริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้ารายใหญ่ระดับโลกเข้าเป็นสมาชิกรายล่าสุด เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยมลพิษจากกิจกรรมการขนส่งสินค้า
โครงการ Corporate SAF ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2022 เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ช่วยให้สมาชิกสามารถซื้อเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ได้เมื่อใช้บริการเที่ยวบินของ Cathay Pacific และ Cathay Cargo จาก Hong Kong และท่าอากาศยานแห่งอื่นๆ ในเครือข่าย โดย DB Schenker ได้เข้าร่วมและซื้อเชื้อเพลิง SAF ปริมาณ 878 ตัน (เทียบเท่ากับ 290,000 แกลลอน) แสดงถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งย้อนกลับไปในปี 2020 เมื่อมีการใช้เชื้อเพลง SAF ในปริมาณเทียบเท่ากับสินค้าที่ขนส่ง
ทั้งนี้ เชื้อเพลิง SAF เป็นเครื่องมือสำคัญในอุตสาหกรรมการบินที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ตามเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ให้สำเร็จภายในปี 2050 โดย Cathay Pacific มุ่งมั่นใช้เชื้อเพลิง SAF ในปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการเชื้อเพลิง SAF ทั้งหมดภายในปี 2030 โครงการดังกล่าวดำเนินการไปพร้อมกับโครงการ Fly Greener ของ Cathay Cargo ซึ่งจะชดเชยการปล่อยคาร์บอนคุณภาพสูงผ่านใบรับรอง Gold Standard ของโครงการในชุมชนและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ Cathay Group ยังลงนามบันทึกความเข้าใจกับสายการบิน Singapore Airlines เพื่อร่วมมือกันในโครงการที่หลากหลาย สนับสนุนการพัฒนาและการใช้เชื้อเพลิง SAF ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเน้นย้ำบทบาทที่สำคัญของ SAF ในการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน ยิ่งไปกว่านั้น Cathay Cargo ยังทำการสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งสินค้า Airbus A350F รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่ดีมากขึ้น
Mr. Ton Owen ผู้อำนวยการ สายการบิน Cathay กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ DB Schenker ในฐานะสมาชิกใหม่ล่าสุดของโครงการ Cathay Corporate SAF โดย DB Schenker ถือเป็นผู้เข้าร่วมที่มีส่วนร่วมมากที่สุดจวบจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนในระดับนี้จากผู้ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ได้ร่วมทำงานกับเราในอุตสาหกรรมการบินปลอดคาร์บอน ด้วยการแทนที่เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมด้วยเชื้อเพลิงเดินอากาศแบบยั่งยืน ความมุ่งมั่นของ DB Schenker สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 2,600 ตัน สะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการเชื้อเพลิง SAF เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นแนวคิด Greener Together ที่มีร่วมกัน ระหว่างที่เราก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีความยั่งยืนมากขึ้น”
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่
