DHL Express ผู้ให้บริการขนส่งด่วนชั้นแนวหน้าในเครือ Deutsche Post DHL Group วางแผนปฏิบัติการบินสาธิตโดยใช้เครื่องบิน A330-200F จากศูนย์ปฏิบัติการของ DHL ในเมือง Leipzig ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ JFK ในนคร New York City โดยตั้งเป้าให้เที่ยวบินดังกล่าวลดการใช้เชื้อเพลิง และการปล่อยก๊าซ CO2 ลดอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ โดยใช้ประโยชน์จากการจราจรทางอากาศที่เบาบางลง อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ในการนี้ European Air Transport ซึ่งเป็นสายการบินพันธมิตรผู้ดำเนินการเที่ยวบินของ DHL ยังได้ค้นหาวิธีการมากกว่า 50 วิธี ที่จะทำให้เที่ยวบินดังกล่าวมีความสมบูรณ์แบบ โดยประหยัดทั้งน้ำมันเครื่องบินและปล่อยก๊าซ CO2 น้อยลง ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดเครื่องยนต์ก่อนบินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ การจัดเส้นทางที่เหมาะสมโดยใช้ระบบการวางแผนเที่ยวบินที่ทันสมัย และการใช้เส้นทางการขึ้นบินที่เหมาะสม (การไต่ระดับอย่างไม่มีข้อจำกัดไปจนถึงระดับความสูงเดินทางจากท่าอากาศยาน Leipzig/Halle) ตลอดจนขั้นตอนการลดระดับอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ New York John F. Kennedy ซึ่งเครื่องบินจะลดระดับโดยทำมุมคงที่ตลอดเวลาพร้อมกับใช้พลังงานจากเครื่องยนต์น้อยที่สุด
เที่ยวบินดังกล่าวมีการดำเนินการภายใต้สภาพการดำเนินการจริง โดยมีการบรรทุกสินค้าตามน้ำหนักบรรทุกปกติ (ประมาณ 60 ตัน) DHL Express ได้วางแผนการบินร่วมกับหน่วยควบคุมการจราจรทางอากาศทั้งหมด และพันธมิตรด้านการบินอื่น ๆ ตลอดเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ได้แก่ German Air Traffic Control (DFS), Eurocontrol, NATS (National Air Traffic Services, U.K.), IAA (Irish Aviation Authority), Shanwick Oceanic Control, NavCanada, ISAVIA (Iceland), IATA (International Air Transport Association), FAA (Federal Aviation Administration) และ PANYNJ (Port Authority of New York and New Jersey) โดยได้กำหนดเส้นทางบินและระดับความสูงที่เหมาะสมที่สุดโดยคำนึงถึงสภาพอากาศจริง ลม และประเด็นด้านการจราจรทางอากาศอื่นๆ โดยมีการประเมินว่าเที่ยวบินนี้จะประหยัดน้ำมันได้อยู่ที่ 1,000 กก. ซึ่งจะทำให้สามารถลดการปล่อย CO2 ได้ 3,150 กก.
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่