บริษัท LOGISTEED ชื่อเดิม Hitachi Transport System เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่หลากหลายรายใหญ่ระดับโลก ซึ่งนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยในประเทศไทยบริษัทฯ มีศูนย์บริการ 19 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดศูนย์บริการโลจิสติกส์ TLC แห่งใหม่ ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้าขนาด 49,393 ตม. ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการจัดการซัพพลายเชนให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานธุรกิจของ LOGISTEED ในอาเซียน

นิตยสาร LM ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจาก Mr. Christopher Logan ประธาน บริษัท LOGISTEED International, Mr. Ryota Abe กรรมการผู้จัดการ บริษัท LOGISTEED (Thailand) และคุณศิริชัย โชคดีสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Eternity Grand Logistics มาร่วมพูดคุยถึงการลงทุนในครั้งนี้ รวมถึงความสำคัญของการเปิดศูนย์โลจิสติกส์ TLC แห่งใหม่ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทย

Mr. Christopher Logan

ศูนย์บริการโลจิสติกส์ TLC ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิดที่ชัดเจนในการให้บริการจัดเก็บคลังสินค้าแบบ Multi-Temperature และ การกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Mr. Logan กล่าวว่า “คลังสินค้าแห่งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเราที่มีต่ออนาคตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในไทย เราไม่เพียงก่อสร้างอาคารคลังสินค้าเท่านั้น แต่เรากำลังสร้างโซลูชันโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าและอุตสาหกรรมฯ ที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง”

TLC แตกต่างจากศูนย์โลจิสติกส์รูปแบบเดิมที่จะแยกส่วนคลังสินค้าแบบแห้งและห้องเย็นออกจากกัน โดยที่คลังสินค้าแห่งนี้สามารถจัดเก็บสินค้าได้แบบหลากหลายอุณหภูมิในอาคารหลังเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย คลังสินค้าแบบ Ambient แบบ Air-Conditioned และห้องเย็นทั้งแบบแช่เย็น (Chilled) และแช่แข็ง (Frozen)

โดยอาคาร TLC ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเทพมหานครเพียง 35 กม. และห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 25 กม. ด้วยที่ตั้งที่มีข้อได้เปรียบทางกลยุทธ์นี้ ช่วยสนับสนุนให้การจัดส่งสินค้าในระยะสุดท้าย (last miles delivery) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังตั้งอยู่นอกเขตจำกัดเวลาการวิ่งรถบรรทุกของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ TLC ยังได้รับการก่อสร้างขึ้นโดยยึดถือกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

Mr. Ryota Abe

ยิ่งไปกว่านั้น LOGISTEED ยังได้ออกแบบคลังสินค้าซึ่งสามารถขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีก 20,000 – 40,000 ตม.ในอนาคต “อาคารหลังนี้ไม่เพียงแต่เป็นโซลูชันโลจิสติกส์แห่งยุคปัจจุบัน หากแต่ยังเป็นศูนย์บริการโลจิสติกส์ที่สามารถพัฒนาเพื่อตอบรับกับยุคสมัยใหม่ หากในอนาคตมีความต้องการจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเราก็พร้อมที่จะขยายฐานปฏิบัติการของเราอย่างรวดเร็ว” Mr. Abe กล่าว

นอกจากนี้ ศูนย์บริการโลจิสติกส์ TLC ของ LOGISTEED ยังนำเสนอบริการโลจิสติกส์เพิ่มมูลค่า (value-added services) ที่ครอบคลุม อาทิ การปรับแต่งบรรจุภัณฑ์ การติดฉลาก รวมถึงการบริหารจัดการสินค้าพร้อมจัดส่งและคำสั่งซื้อสำหรับลูกค้ากลุ่มค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ โดยคุณศิริชัย กล่าวว่า “ลูกค้าของเราต้องการโซลูชันที่มีความพิเศษเฉพาะตัวเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดเก็บและการกระจายสินค้าทั่วไป ศูนย์ TLC จึงช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการที่ครอบคลุมและครบวงจรเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับซัพพลายเชนของลูกค้าได้”

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในด้านการออกแบบของ TLC คือความยืดหยุ่น ด้วยการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งชิปเมนท์การขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้ (FTL) และการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LTL) ทำให้ LOGISTEED สามารถตอบสนองต่อธุรกิจต่างๆ ได้ทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง (SME) ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่กำลังมองหาโซลูชันการจัดการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าที่คุ้มค่าคุ้มราคา

คุณศิริชัย โชคดีสัมฤทธิ์

อาคาร TLC มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อมอบความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน โดยมีจุดเด่นดังนี้

  • จุดขนถ่ายสินค้า 58 จุด รองรับปฏิบัติการขาเข้าและขาออกแบบไร้รอยต่อ
  • ระบบ SCADA ในการติดตามและตรวจสอบอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ เพื่อมอบความมั่นใจว่าจะรักษาอุณหภูมิสำหรับสินค้าเภสัชภัณฑ์และสินค้าแช่แข็งได้เป็นอย่างดี
  • เครื่องปั่นไฟสำรอง (1,500 กิโลวัตต์) ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ภายใน 13 วินาทีหลังจากไฟฟ้าดับ ซึ่งจำเป็นต่อการจัดเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิ
  • ระบบชั้นวางแบบ Selective Rack ที่สามารถเลือกพาเลทสินค้าได้ และชั้นวางแบบรางเลื่อน (Mobile Racking Systems) รองรับสินค้าได้มากกว่า 10,000 พาเลท เพื่อการปรับใช้พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ
  • กล้องวงจรปิด 128 ตัว พร้อมการเก็บรักษาข้อมูล 90 วัน เสริมความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทั่วทั้งอาคาร

คุณศิริชัย กล่าวว่า “เราออกแบบศูนย์ TLC ตามมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรม ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าอาคารหลังนี้มีครบถ้วนทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการดำเนินการตามกฎระเบียบ”

“TLC ได้รับการพัฒนาขึ้นตามมาตรฐานสูงสุดสำหรับการปฏิบัติการโลจิสติกส์ระดับโลก เพื่อส่งมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าของเรา” Mr. Abe กล่าว

เพื่อรักษามาตรฐานด้านโลจิสติกส์ในระดับสูงสุด LOGISTEED จึงเดินหน้าพัฒนาเพื่อการรับรองมาตรฐานระดับโลก เน้นย้ำถึงการปฏิบัติการตามมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล ตัวอย่างส่วนหนึ่งของใบรับรองคือ มาตรฐาน GDP (Good Distribution Practice) ที่รับรองว่าการปฏิบัติการโลจิสติกส์สินค้าเภสัชภัณฑ์เป็นไปตามกฎข้อบังคับอันเข้มงวด โดยรักษาความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์และปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพระดับสากล อีกทั้งยังได้รับมาตรฐาน GHP (Good Hygiene Practice) ซึ่งเป็นใบรับรองสำคัญสำหรับการปฏิบัติการโลจิสติกส์ประเภทอาหาร (food-grade) ที่ให้การรับรองว่ากระบวนการยกขน จัดเก็บ และขนส่งสินค้า ของบริษัทฯ เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและหลักสุขอนามัยอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ยังมอบการรับรอง CEIV Pharma ซึ่งเป็นการรับรองว่าบริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรฐานของ IATA ในด้านการจัดการขนส่งเภสัชภัณฑ์ทางอากาศ โดยการรับรองดังกล่าวตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ LOGISTEED ในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ในภาคธุรกิจโลจิสติกส์เฉพาะทาง อาทิ การจัดการสินค้าเพื่อสุขภาพ อาหาร และเคมีภัณฑ์

การตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยของ LOGISTEED ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตในภูมิภาคอาเซียน ด้วยศูนย์บริการ 19 แห่งทั่วประเทศ บริษัทฯ มุ่งหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน เชื่อมระหว่างประเทศไทยกับเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

Mr. Logan เปิดเผยว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาวของเรา ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางหลักในการผสานอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอาเซียนให้เป็นเครือข่ายที่ไร้รอยต่อ การลงทุนก่อสร้างอาคารหลังนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการขยายเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันโลจิสติกส์ในอาเซียนของเราเท่านั้น”

ทั้งนี้ การบริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคของ LOGISTEED ได้รับประโยชน์จากการที่ประเทศไทยเข้าร่วมประชาคมอาเซียนผ่านข้อตกลงการค้าอาเซียนและกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจ โดยมีข้อตกลงการค้าเสรีของประเทศไทย (FTAs) เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยสร้างความคล่องตัวในการดำเนินพิธีการศุลกากรให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ช่วยลดอุปสรรคและทำให้การปฏิบัติการโลจิสติกส์ราบรื่นทั่วทั้งภูมิภาค นอกจากนี้ การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ยังมีส่วนช่วยลดอุปสรรคทางภาษีและพัฒนาการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามพรมแดน ทำให้ LOGISTEED สามารถนำเสนอบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน และเนื่องจากความต้องการด้านโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกำลังเติบโตมากขึ้น LOGISTEED ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมฯ จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไปจนถึงขนาดใหญ่ ด้วยการส่งมอบโซลูชันการกระจายสินค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯ ยังได้ลงทุนปรับใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ซัพพลายเชน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ (Predictive modeling) เพื่อปรับปรุงระดับการจัดเก็บสินค้าและลดการสิ้นเปลือง Mr. Logan กล่าวเสริมว่า “การปรับปรุงกระบวนการให้เป็นดิจิทัลไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองอีกต่อไป หากแต่เป็นปัจจัยจำเป็นในธุรกิจโลจิสติกส์สมัยใหม่ เราสามารถคาดการณ์ความต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งมอบผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าของเราได้ด้วยการผสานการทำงานของ AI เข้ากับการปฏิบัติการของเรา”

LOGISTEED ไม่เพียงขยายฐานธุรกิจในด้านสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น ทว่าบริษัทฯ ยังได้ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรเพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญของบุคลากรในด้านที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างทีมงานชาวไทยกับผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์จากญี่ปุ่นเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานประจำประเทศไทยของเราได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการที่เป็นเลิศในระดับโลก รวมถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาล่าสุดในอุตสาหกรรมฯ นอกจากนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการ บริษัทฯ ได้จัดโครงการอบรมในหัวข้อเฉพาะทางสำหรับโลจิสติกส์สินค้าควบคุมอุณหภูมิตลอดซัพพลายเชน เพื่อมอบองค์ความรู้และเสริมความเชี่ยวชาญให้กับพนักงาน เพื่อให้สามารถจัดการกับสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นในการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญภายในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทีมงานชาวไทยในการจัดการฝึกอบรมสำหรับทีมงานในอินโดนีเซียและเวียดนาม พร้อมถ่ายโอนองค์ความรู้และทำให้แนวทางการปฏิบัติการมีความสอดคล้องกันทั่วทั้งภูมิภาค

โดยการพัฒนาความเชี่ยวชาญของพนักงานและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทฯ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ LOGISTEED ว่าบริษัทฯ จะมีความเป็นเลิศทางการปฏิบัติการ และสร้างความยั่งยืนได้ในระยะยาว

“การถ่ายโอนความรู้ถือเป็นเสาหลักในกลยุทธ์ของเรา ปัจจุบันเรากำลังพัฒนาทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมฯ และสามารถสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตระดับภูมิภาคของเรา” Mr. Abe กล่าว “การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์นั้นสำคัญเทียบเท่ากับการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากทีมงานที่แข็งแกร่งจะช่วยขับเคลื่อนทั้งในแง่ของนวัตกรรมและประสิทธิภาพ”

การเปิดตัวอาคาร TLC ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า LOGISTEED กำลังเดินหน้าตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศไทยในฐานะบริษัทผู้ทรงอิทธิพลด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน และด้วยการมุ่งเน้นที่บริการโลจิสติกส์แบบ multi-temperature control การปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และประเด็นความยั่งยืน บริษัทฯ มีความพร้อมในการตอบสนองต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของไทย

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังพัฒนาไปข้างหน้า แนวทางการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ที่ตั้งทางกลยุทธ์ และการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัยของ LOGISTEED จะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมฯ ซึ่งทำให้ TLC ก้าวเป็นต้นแบบสำหรับศูนย์บริการโลจิสติกส์แห่งอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดย Mr. Logan ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ และเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางของอนาคต”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Cainiao คว้ารางวัลชนะเลิศด้านวิทยาการและเทคโนโลยี AI ขึ้นแท่นผู้ชนะหนึ่งเดียวในสายโลจิสติกส์
บทความถัดไปRhenus Indonesia ได้ใบรับรองการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ฮาลาลอย่างเป็นทางการ