แม้ปัจจุบันเรากำลังดำเนินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเชียระยะสั้น ที่ส่งเสริมให้ผู้คนกลับเข้าทำงานในออฟฟิศเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่เราควรคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) โดยคำนึงความเสี่ยงด้านธรรมชาติที่เป็นภัยคุกคามหลัก
อย่างไรก็ตาม Ms. Kawal Preet ประธาน บริษัท FedEx Express ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา (AMEA) ได้เสนอแนะแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเอเชียผ่านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1. เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
ปีนี้นับเป็นปีแรกที่รายงานความเสี่ยงโลก ซึ่งจัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก แสดงถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่ออนาคต ปัญหาหนึ่งคือมลพิษทางอากาศและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่แม้จะลดลงชั่วคราวเพราะผู้คนพากันเก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่ก็ยังเป็นภัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เราควรมองหานวัตกรรมเพื่อลดมลพิษอย่างถาวร และยกระดับคุณภาพชีวิตของเราไปด้วยในเวลาเดียวกัน
วิกฤติโควิด-19 ได้สอนให้โลกรู้จักปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูมิภาคเอเชียทวีความคล่องตัวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปริมาณการขนส่ง การปรับเส้นทางการขนส่ง และการจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับการจัดส่งเฉพาะแบบเร่งด่วน แต่เราไม่ควรหยุดอยู่เพียงเท่านี้ เมื่อคนทั้งโลกกำลังพิจารณารูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ เราควรใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วยในเวลาเดียวกัน
โดยสามารถเริ่มจากการทำงานจากที่บ้าน ลดการเดินทางลงแต่เพิ่มการติดต่อสื่อสารให้มากขึ้น การทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนอีกด้วย ในหลายประเทศได้มีการเปิดเลนจักรยานเพิ่ม ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมสุขภาพชุมชนให้แข็งแรง ในขณะนี้หลายบริษัทเริ่มตอบสนองต่อเทรนด์ความต้องการผลิตภัณฑ์ยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องแล้วเช่นกัน
2. ทำงานร่วมกันเพื่อโอกาสและความสำเร็จที่มากกว่า
ในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นการร่วมงานระหว่างหลายบริษัท หวังเร่งความเร็วในการจัดส่งเวชภัณฑ์ออกสู่นานาประเทศทั่วโลก โดยบริษัท FedEx ได้จัดส่งหน้ากากอนามัยกว่า 4 ล้านชิ้น และชุดทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกกว่า 4 ล้านชุดตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน
ในอนาคตข้างหน้านี้กลุ่มบริษัทควรร่วมกันสร้างโอกาสในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารโลก ที่มองการลงทุนหลังวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาสอันงามในการช่วยสนับสนุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure – GI) โดยเริ่มจากการติดตั้งสถานีบริการไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Point) ในจุดต่างๆ
ทั้งนี้ บริษัท FedEx ยังเดินหน้าช่วยส่งเสริมความพยายามด้านความยั่งยืน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กว่าร้อยละ 40 ในทศวรรษที่ผ่านมา จนถึงปี 2019 ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นมากถึงร้อยละ 96 นอกจากนี้ FedEx ยังช่วยสนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ สามารถก้าวข้ามความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย อาทิ Indigo Agriculture บริษัทสตาร์ทอัพ ที่มีพันธกิจในการฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน และสร้างกำไรผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กัน ซึ่งบริษัท Indigo Agriculture สามารถไต่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนรายชื่อผู้สร้างนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของ CNBC ได้สำเร็จในปี 2019
3. พิจารณาหาสิ่งที่สำคัญที่สุด
FedEx ไม่เพียงพิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังคำถึงนึงความรับผิดชอบระดับโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการขนส่งเวชภัณฑ์ อย่างกล่องควบคุมอุณหภูมิที่เป็นบริการด้าน
บรรจุภัณฑ์ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือนำไปรีไซเคิลได้
แนวคิดริเริ่มสีเขียวและการมุ่งเน้นการทำประโยชน์แก่สังคมของ FedEx เป็นตัวจุดประกายความสำเร็จที่สำคัญของบริษัท และถึงแม้ว่ารายงานความก้าวหน้าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia and the Pacific SDG Progress Report) จะระบุว่าภูมิภาคเอเชียมีความสามารถมากพอจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาได้ภายในปี 2030 แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถเร่งความเร็วด้านการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนได้ โดยเพิ่มการเชื่อมต่อแบบดิจิทัล
ยิ่งไปกว่านั้น อนาคตอันใกล้นี้นับเป็นโอกาสทองของการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพราะกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หลังภัยโควิด-19 ส่งผลให้นวัตกรรมเกิดการพัฒนาต่อยอดในกลุ่มธุรกิจยั่งยืนที่เน้นการเชื่อมต่อแบบดิจิทัล โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มักให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มียอดการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก
4. ลด ทดแทน ปฏิวัติ (Reduce, Replace, Revolutionize)
FedEx เดินหน้าธุรกิจตามกลยุทธ์ความยั่งยืน ‘ลด ทดแทน ปฏิวัติ (Reduce, Replace, Revolutionize)’ สี่ด้านคือ ประสิทธิภาพเครื่องบิน ประสิทธิภาพยานยนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกแบบยั่งยืน และการใช้วัสดุที่ยั่งยืนร่วมกับการรีไซเคิล โดยบริษัทฯ เน้นการขนส่งที่ปลอดภัยและแม่นยำผ่านการใช้เทคโนโลยีด้านการขนส่งที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพ ควบคู่กับการใช้หุ่นยนต์และการใช้โดรนขนส่งพัสดุเพื่อปฏิวัติรูปแบบการขนส่งแบบเดิมๆ
นอกจากนี้ การส่งแบบไร้การสัมผัส (contactless delivery) เองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาในยุคดิจิทัล
ซึ่ง FedEx กำลังวางแผนให้ Roxo หรือ หุ่นยนต์ SameDay Bot สามารถร่วมทางไปกับผู้คนบนทางเท้า หรือใช้เลนจักรยานภายในภูมิภาคเอเชียได้ในอนาคต
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่